วันที่ 18 เม.ย. เอเอฟพี รายงานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จ พระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น ไปยังศาลเจ้าอิเซะ ศาลเจ้าชินโตที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในจังหวัดมิเอะ ตอนกลางของประเทศ เพื่อทรงถวายสักการะและประกอบพิธีถวายรายงานแด่เทพเจ้าบรรพบุรุษ ว่าจะทรงสละราชสมบัติ
โดยองค์จักรพรรดิ ทรงเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์อันประกอบด้วยพระแสงดาบคุซานางิ และอัญมณียาซากะนิ จากพระราชวังกรุงโตเกียว มาประกอบพิธีร่วมกับ กระจกยาตะ ที่เก็บรักษาที่ศาลเจ้าอิเซะ ด้วย ทั้งนี้ สิ่งล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นนี้ ถือเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่นสืบทอดมาแต่โบราณ
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น เสด็จไปยังศาลเจ้าใหญ่อิเซะ จังหวัดมิเอะ เพื่อประกอบพิธีถวายรายงานแด่เทพเจ้าในศาสนาชินโต ว่าพระองค์จะทรงสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายนนี้ ในการนี้ได้มีการอัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง 2 คือพระแสงดาบคุซานางิ และยาซากานิโนะมางะตามะ หรือลูกปัดหยกลักษณะคล้ายหยาดน้ำฝน ออกมาจากจากพระราชวังอิมพีเรียลเพื่อประกอบพิธีร่วมกับเครื่องราชกกุธภัณฑ์อีกชิ้นหนึ่งที่เก็บรักษาไว้ ณ ศาลเจ้าใหญ่อิเซะ นั่นคือคันฉ่องหรือกระจกสำริด มีชื่อว่า ยาตะโนะคะงะมิ
นับเป็นเรื่องไม่บ่อยครั้งนักที่สาธารณชนจะได้เห็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ประจำสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น โดยเฉพาะพระแสงดาบคุซานางิ ซึ่งถือเป็นดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดเล่มหนึ่งของโลก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอภินิหาร และตำนานมากมาย และนับแต่โบราณมีเสียงเล่าลือว่าคุซานางิสูญหายไปแล้ว องค์ปัจจุบันอาจเป็นของจำลอง แต่ไม่มีการยืนยันเรื่องนี้
แต่เดิมดาบคุซานางิเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ นครนาโกย่า มีเรื่องเล่ากันว่า แม้แต่หัวหน้านักบวชประจำศาลเจ้าเองก็ยังไม่เคยเห็นดาบจริงๆ ยกเว้นนักบวชที่ชื่อมัตสึโอกะ มาซานาโอะ ในสมัยเอโดะ (ปีค.ศ. 1603-1868) อ้างว่าเคยเห็นดาบเล่มนี้ ดาบมีความยาว 82 เซนติเมตร คมดาบคล้ายใบว่านน้ำ กลางคมดาบมีสันคล้ายก้างแกนสันหลังปลา ตัวดาบเป็นโลหะสีขาว สภาพยังดีแม้จะผ่านกาลเวลามานับพันปี เก็บไว้ในกล่อง 3 ชั้น ชั้นในสุดคือกล้องไม้การบูร ชั้นต่อมาคือกล่องหิน ชั้นนอกสุดคือกล่องไม้
สำหรับประวัติของดาบคุซานางิ ปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์โคจิกิ ดาบเล่มนี้ซ่อนอยู่ในหางของงูแปดหัว ซึ่งถูกเทพเจ้าแห่งทะเลและพายุ คือ ซูซาโนโอสังหาร และซูซาโนโอะได้ถวายดาบให้กับอามาเทราสึ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพี่สาว และเป็นบรรพชนของจักรพรรดิญี่ปุ่นทุกพระองค์ ต่อมาอามาเทราสึได้มอบดาบนี้ พร้อมด้วยกระจกสำริด และอัญมณีให้กับลูกหลานของพระองค์ ที่จะเสด็จลงมาเป็นผู้ปกครองแผ่นดินญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ชื่อดาบคุซานางิ แปลว่า ดาบตัดพงหญ้า มาจากตำนานที่เล่าขานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิเคโก ได้พระราชทานดาบนี้ให้กับยามาโตะ ทาเครุ นักรบผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงราวศตวรรษที่ 1 – 2 ครั้งหนึ่ง ทาเครุถูกศัตรูลวงเข้าไปในทุ่งหญ้าแล้วถูกโอบล้อมไว้ ศัตรูได้ยิงธนูเพลิงหวังจะเผาเขาให้ตาย ทาเครุจนปัญญาจึงพยายามใช้ดาบคุซานางิฟันพงหญ้าเพื่อตีฝ่าออกมา แต่ทุกครั้งที่เขาเงื้อดาบฟันจะปรากฎพลังลมพัดรุนแรง เขาจึงทราบว่าดาบนี้มีพลังในการบังคับลม จึงใช้มันควบคุมลมให้พัดเปลวเพลิงไปทางศัตรู ไม่เพียงรอดจากกองไฟมาได้ เขายังได้รับชัยชนะอย่างงดงามอีกด้วย และตั้งชื่อดาบนี้ว่า คุซานางิ
นอกจากนี้ ดาบคุซานางิ ยังปรากฏในเรื่องเล่าและวัฒนธรรมร่วมสมัย วัยรุ่นทั่วโลกอาจรู้จักดาบคุซานางิจากการ์ตูนคอมมิคชื่อดังอย่าง NARUTO นินจาจอมคาถา ในฐานะอาวุธของซาสึเกะ แฟนหนุ่มนารุโตะ ทั้งยังปรากฎอยู่ในเกมส์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง Okami (Play Station 2) จากค่ายแคปคอมที่นำเอาศิลปะการวาดรูปภาพด้วยพู่กันมาผสมผสานกับตำนานเทพที่ผ่านการตีความใหม่อีกด้วย
ขอบคุณที่มา : https://www.posttoday.com/world/586713
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://anngle.org/th/j-culture/kusanagi.html